ทำความเข้าใจ Water Fasting ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ก่อนเริ่ม

Water fasting

Water Fasting เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ใช้สำหรับควบคุมอาหารที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องมาจากการทำ Water Fasting นั้นช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการทำ Water Fasting นั้นยังไม่มีงานวิจัยมา รองรับ โดยยังมีการถกเถียงถึงข้อเท็จจริงรวมถึงข้อดีและข้อเสียของการทำ Water Fasting กันอยู่เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจถึงความเป็นมาและข้อดีข้อเสียของ Water Fasting ว่ามีขั้นตอนการบวนการอย่างไร รวมถึงความเสี่ยงและประโยชน์ก่อนที่จะเลือกใช้วิธีการควบคุมอาการแบบ Water Fasting

ที่ไปที่มาของ Water Fasting

จริงๆแล้วมีต้นกำเนิดมาจากวัฒนธรรม พิธีกรรม รวมถึงความเชื่อทางศาสนา ซึ่งมีปรากฎให้เห็นเช่น การถือศีลอดในศาสนาคริสต์ และ อิสลาม โดยหลักการอดอาหารสำหรับการรักษาโรคนั้นนั้นเกิดขึ้นมาในช่วงศตวรรตที่ 5 โดย ฮิปโปเครติส ได้ใช้การอดอาหารสำหรับรักษาโรคบางประการเช่น บุคคลที่ระบบการเผาผลาญไม่คงที่ หรือ บุคคลที่เหงื่อออกยาก

Water Fasting มาใช้ลดน้ำหนักอันตรายมากน้อยแค่ไหน

กระบวนการลดน้ำหนักด้วยวิธี Water Fasting โดยหลักการแล้วเป็นการควบคุมการได้รับพลังงานเพื่อบังคับให้เซลล์ไปดึงพลังงานสะสมที่ค้างอยู่ในร่างกาย ซึ่งการจำกัดการกินโดยดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวเพื่อให้เกิดการกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงาน เมื่อร่างกายไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรตจากอาหารก็จะเกิดกระบวนการดึงพลังงานจากไขมันสะสม โดยร่างกายจะเกิดการกระตุ้นฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) และเลปติน (Leptin) ส่งผลให้เพิ่มกระบวนการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายมีระดับการเผาผลาญมากขึ้น เมื่อกระบวนการเผาผลาญมากขึ้นจึงทำให้น้ำหนักลดลงนั่นเอง แต่มีข้อควรระวังในการทำ Water Fasting ก็คือควรมีการเตรียมตัว รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะลงมือทำเผื่อให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพน้อยที่สุดและไม่ควรอดอาการติดต่อกันเกิน 72 ชั่วโมง สำหรับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรหลีกเลี่ยงวิธีการนี้

การเตรียมตัวก่อนและหลังการทำ Water Fasting

เตรียม Water Fasting

ช่วงเตรียมตัว

ก่อนทำ Water Fasting นั่นควรมีการเตรียมพร้อมร่างกายก่อน โดยอาจจะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเริ่มรวมถึง เริ่มอดอาหารเป็นระยะเวลาสั้นๆ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนชั่วโมงขึ้น เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคย

ช่วง Water Fasting

ในช่วงที่ทำ Water Fasting ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั่นก็คือ 2-4 ลิตรต่อวัน โดยค่อยจิบเพื่อป้องกันความเสี่ยงของน้ำเป็นพิษ สามารถออกกำลังกายแบบไม่หักโหมควบคู่กันไปได้เช่น โยคะ หรือ การทำสมาธิ เพื่อไม่ให้ความหิวเพิ่มขึ้น

ช่วง Post Fasting

หลังจากจบกระบวนการแล้วไม่ควรรับประทานอาหารมือใหญ่ทันที ควรค่อยๆปรับปริมาณในการรับประทานอาหารโดยเน้อาการย่อยง่ายเช่น น้ำผักผลไม้ ข้าวต้ม ซุป รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่โวเดียมสูง น้ำตาลสูง

cell active energy

Water Fasting กับการกระตุ้นกระบวนการ Autophagy

Autophagy นั้นเกิดขึ้นภายในร่างกายอยู่ตลอดเวลา และจะถูกกระตุ้นให้เกิดมากขึ้นเมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะต้องปรับตัว เช่น การออกกำลังกาย ความเครียด รวมถึงการอดอาหาร ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับจากกระบวนการ Autophagy คือกระบวนการที่ร่างกายเราจะกำจัดเซลล์เก่าและสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งเเรงขึ้น ก็คือช่วยกำจัดเซลล์ที่เสื่อมทำให้ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะ

สรุปว่าการทำ Water Fasting ดีหรือไม่

ในปัจจุบันนอาจจะยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าการทำ Water Fasting นั้นเป็นประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือไม่ แต่โดยหลักการแล้ว Water Fasting ก็มีส่วนในการกระตุ้นการเผาผลาญด้วยการบังคับให้เซลล์ดึงพลังงงานจากไขมันที่ถูกสะสมไว้ในร่างกายมาใช้ โดยใช้การอดอาหารเพื่องดการเติมพลังงานเข้าสู่ร่างกาย แต่การจะทำ Water Fasting ได้นั้นต้องมีร่างกายที่พร้อม รวมถึงต้องมีการเตรียมตัวในการที่จะทำ Water Fasting ซึ่งมีโอกาสที่จะช่วยลดน้ำหนักได้จากการที่ร่างกายดึงไขมันสะสมมาใช้ แต่การที่อดอาหารนั้นก็อาจจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย บ้านหมุน อารมย์แปรปวรนร่วมด้วยได้ เพราะฉะนั้นแล้วการทำ Water Fasting เป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่สามารถใช้ในการควบคุมน้ำหนัก แต่ยังคงมีความเสี่ยงเพราะฉะนั้นแล้วควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพและร่างกายของคุณเอง

footer_button_check
footer_button_buy
footer_button_consult