การสังเกตและรู้จักอาการเตือนของปัญหาต่อมลูกหมากจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรใส่ใจสัญญาณเหล่านี้เพื่อที่จะได้พบแพทย์และรับการรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากมักมีแนวโน้มขยายตัวหรือเกิดความผิดปกติ เช่น ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH), ต่อมลูกหมากอักเสบ หรือแม้แต่โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ และอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายตัว เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย หรือปวดบริเวณท้องน้อย
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่มีขนาดเล็ก อยู่ในระบบสืบพันธุ์ของผู้ชาย มีลักษณะคล้ายวอลนัท ตั้งอยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น หน้าที่หลักของต่อมลูกหมากคือผลิตน้ำหล่อลื่นที่ช่วยให้น้ำอสุจิสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายและช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของน้ำอสุจิในการสืบพันธุ์
ภาวะที่พบบ่อยของต่อมลูกหมาก
ต่อมลูกหมากสามารถเกิดปัญหาหรือโรคได้หลายชนิด แต่ที่พบบ่อยและมีผลกระทบต่อสุขภาพมากที่สุด ได้แก่
- ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH)
เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดโตขึ้นอย่างช้าๆ โดยไม่ใช่มะเร็ง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป ต่อมลูกหมากที่โตขึ้นจะกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะบ่อย - ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อหรือสาเหตุอื่นๆ ทำให้เกิดอาการปวด บวม และมีไข้ อาจมีอาการปัสสาวะเจ็บหรือปัสสาวะบ่อยร่วมด้วย - มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer)
เป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้ชาย โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ มะเร็งต่อมลูกหมากอาจไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อโรคลุกลามจะทำให้เกิดอาการปัสสาวะผิดปกติและอาจมีอาการปวดกระดูก
ความแตกต่างระหว่างโรคต่อมลูกหมากโตกับมะเร็งต่อมลูกหมาก
แม้ว่าอาการของต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากจะมีความคล้ายคลึงกัน เช่น ปัสสาวะลำบากหรือปัสสาวะบ่อย แต่สาเหตุและการรักษาจะแตกต่างกันอย่างมาก ต่อมลูกหมากโตเป็นภาวะที่ไม่ใช่มะเร็งและสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา หรือในบางกรณีอาจต้องผ่าตัด ส่วนมะเร็งต่อมลูกหมากต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเฉพาะเจาะจงตามระยะของโรค
อาการเตือนของต่อมลูกหมากเริ่มมีปัญหา
การสังเกตอาการเตือนที่บ่งบอกว่าต่อมลูกหมากเริ่มมีปัญหา เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถพบแพทย์และรับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในอนาคต โดยอาการเหล่านี้สามารถแบ่งออกตามชนิดของปัญหาที่เกิดขึ้นกับต่อมลูกหมาก ดังนี้

อาการทั่วไปของต่อมลูกหมากโต (BPH)
- ปัสสาวะไม่พุ่งหรือแรงปัสสาวะลดลง
เนื่องจากต่อมลูกหมากที่โตขึ้นไปกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้แรงดันน้ำปัสสาวะลดลงและปัสสาวะไม่พุ่งเหมือนเดิม - ปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่งนานหรือรอนานกว่าจะเริ่มปัสสาวะ
รู้สึกว่าต้องใช้แรงเบ่งมากขึ้นเพื่อเริ่มปัสสาวะ - ปัสสาวะสะดุด หรือไหลๆ หยุดๆ
น้ำปัสสาวะอาจไม่ไหลอย่างต่อเนื่อง เกิดการสะดุดบ่อยครั้ง - รู้สึกปัสสาวะไม่สุด ต้องปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
รู้สึกว่ากระเพาะปัสสาวะยังไม่ว่างเปล่า ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายครั้งในตอนกลางคืน - กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ต้องรีบเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อปวด
อาการปัสสาวะเล็ดหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกิดขึ้นได้ในบางราย - ปัสสาวะบ่อย ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ แม้จะดื่มน้ำน้อย
อาการของต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
- ปวดบริเวณอวัยวะเพศ อัณฑะ ขาหนีบ ท้องน้อย หลังส่วนล่าง หรือทวารหนัก
อาการปวดมักเป็นลักษณะเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ขึ้นอยู่กับชนิดของการอักเสบ - ปวดแสบขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะไม่สุด
รู้สึกแสบหรือเจ็บขณะปัสสาวะ และรู้สึกว่าปัสสาวะไม่หมด - ปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือมีหนองข้นไหลออกจากอวัยวะเพศ
อาจมีน้ำหนองหรือสารคัดหลั่งผิดปกติออกมาจากอวัยวะเพศ - มีไข้หรือรู้สึกไม่สบายตัว
ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อ อาจมีไข้สูง หนาวสั่น และอ่อนเพลีย
สัญญาณเตือนมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer)
- ปัสสาวะลำบากหรือเจ็บปวดเวลาปัสสาวะ อาการคล้ายกับต่อมลูกหมากโต แต่หนักและรุนแรงมากขึ้น
- ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือปัสสาวะราดเท้า น้ำปัสสาวะไหลช้าและไม่ต่อเนื่อง
- มีเลือดในน้ำปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ สัญญาณที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติรุนแรง
- ปวดหรือแน่นตึงบริเวณบั้นเอว เชิงกราน หรือต้นขา อาการปวดอาจเกิดจากมะเร็งลุกลามไปยังกระดูกหรือเนื้อเยื่อรอบข้าง
- ปวดเมื่อหลั่งน้ำอสุจิ รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายในขณะหลั่งน้ำอสุจิ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากไม่รักษาต่อมลูกหมาก
เมื่อปัญหาต่อมลูกหมากไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาอย่างเหมาะสม อาการที่เริ่มต้นอาจลุกลามและก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตได้ ดังนี้
ปัสสาวะไม่ออกฉับพลัน (Acute Urinary Retention)
เป็นภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถปัสสาวะได้เลยอย่างกะทันหัน เกิดจากการที่ต่อมลูกหมากโตหรืออักเสบกดทับท่อปัสสาวะจนปัสสาวะไหลออกไม่ได้ ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น การสวนปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะออก และในบางกรณีอาจต้องผ่าตัด
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Stones)
เมื่อปัสสาวะไม่สามารถระบายออกหมด กระเพาะปัสสาวะอาจเกิดการคั่งของปัสสาวะและตกค้าง ส่งผลให้นิ่วเกิดขึ้นในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
การทำงานของไตเสื่อมลงจนไตวาย (Kidney Damage or Failure)
การอุดตันของท่อปัสสาวะจากต่อมลูกหมากโตหรือมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจทำให้ปัสสาวะไหลย้อนกลับไปยังไต ทำให้ไตเกิดความเสียหายเรื้อรังและอาจลุกลามจนไตวายได้
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection – UTI)
การคั่งของปัสสาวะและการอุดตันทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจลุกลามไปยังไตและระบบอื่น ๆ ได้
คำแนะนำและแนวทางป้องกันปัญหาต่อมลูกหมาก
การดูแลสุขภาพต่อมลูกหมากตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น นี่คือคำแนะนำและแนวทางป้องกันที่คุณควรปฏิบัติ

หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของการปัสสาวะ
- ให้ความสำคัญกับอาการที่เปลี่ยนแปลง เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือมีเลือดในน้ำปัสสาวะ
- หากพบอาการใดๆ ที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรดื่มน้ำน้อยเกินไปหรือมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย
- ไม่กลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมากทำงานผิดปกติ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและระบบไหลเวียนโลหิต
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพต่อมลูกหมาก
- เพิ่มผัก ผลไม้ และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศ (มีไลโคปีน) และถั่วเหลือง
- ลดอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารแปรรูป
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดูแลต่อมลูกหมาก
พบแพทย์เฉพาะทางทันทีเมื่อมีอาการเตือน
- การตรวจสุขภาพและตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- การตรวจ PSA (Prostate-Specific Antigen) และการตรวจทางร่างกาย เช่น การตรวจทางทวารหนัก เพื่อประเมินสุขภาพต่อมลูกหมาก
- รับคำแนะนำและรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ใส่ใจและดูแลต่อมลูกหมากตั้งแต่เนิ่นๆ
เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพต่อมลูกหมากอย่างมีประสิทธิภาพ ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป การสังเกตอาการเตือนที่บ่งชี้ว่าต่อมลูกหมากเริ่มมีปัญหา เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือมีอาการเจ็บปวด เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปัสสาวะไม่ออกฉับพลัน นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือแม้แต่ไตวาย
แหล่งอ้างอิง
- https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/benign-prostatic-hyperplasi
- https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/water-vapor-therapy
- https://www.youtube.com/shorts/cwKm0U15MYI
- https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=125
Yaaleeyah Double Mixed CHLORO FIBER ไฟเบอร์ธัญญ่า 1 แถม 1
Adella โปรตีนเชค รส งาดำ โปรตีนพีชเข้มข้น คุมหิว อิ่มนาน
Tiny Glam Lipstick ลิปเนื้อซอฟต์แมท บำรุงริมฝีปาก สี Glossy Balm
เซรั่มล้างหน้า บัวหิมะทองคํา 24K Madame Louise