เปรียบเทียบฤทธิ์พลูคาวในการต้านมะเร็งกับสมุนไพรพื้นบ้านอื่นๆ

comparing-the-anti-cancer-herb

ในปัจจุบัน โรคมะเร็งถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตทั่วโลก การค้นหาวิธีการรักษาและป้องกันมะเร็งจึงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากการรักษาแบบแผนปัจจุบัน เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษาแล้ว สมุนไพรพื้นบ้านยังเป็นทางเลือกที่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่อาจช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และลดผลข้างเคียงจากการรักษาแบบแผนปัจจุบัน

ข้อมูลพื้นฐานของพลูคาว

พลูคาว หรือที่รู้จักกันในชื่อผักคาวตอง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Houttuynia cordata Thunb. จัดอยู่ในวงศ์ Saururaceae เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ มีลำต้นทอดเลื้อยไปตามดิน ใบเป็นรูปหัวใจ ปลายแหลม โคนเว้าคล้ายรูปหัวใจ สีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อ มีใบประดับสีขาวคล้ายกลีบดอกไม้ 4 กลีบ พบได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ในประเทศไทยนิยมใช้เป็นผักสดแกล้มอาหาร และเป็นส่วนประกอบในยาแผนโบราณมาอย่างยาวนาน

สารสำคัญในพลูคาว

พลูคาวอุดมไปด้วยสารประกอบทางเคมีหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้พลูคาวมีสรรพคุณทางยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ (Alkaloids) นอกจากนี้ยังพบสารอื่นๆ เช่น น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) และกรดไขมัน (Fatty acids) สารสำคัญบางชนิดที่มีการศึกษาและมีบทบาทต่อฤทธิ์ทางชีวภาพของพลูคาว ได้แก่:

  • ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids): เป็นสารกลุ่มใหญ่ที่พบมากในพลูคาว มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังพบว่าฟลาโวนอยด์บางชนิดในพลูคาว เช่น เควอซิทิน (Quercetin) และรูติน (Rutin) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) และฤทธิ์ต้านมะเร็ง (Anticancer)
  • อัลคาลอยด์ (Alkaloids): เป็นสารประกอบไนโตรเจนที่พบในปริมาณน้อย แต่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เด่นชัด เช่น ซูเดออร์เดอร์ริน (Pseudoephedrine) และเฮาต์ทูนอิน (Houttuynin) ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในฤทธิ์ต้านจุลชีพและฤทธิ์อื่นๆ
  • น้ำมันหอมระเหย (Essential oils): เป็นสารระเหยที่ให้กลิ่นเฉพาะตัวของพลูคาว ประกอบด้วยสารหลายชนิด เช่น เมทิล เอ็น-โนนิล คีโตน (Methyl n-nonyl ketone), ลอริล แอลดีไฮด์ (Lauryl aldehyde), คาพริล แอลดีไฮด์ (Capryl aldehyde) สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา รวมถึงอาจมีบทบาทในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides): เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่พบในพลูคาว มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immunomodulatory effect) ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติรวมถึงเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น

ฤทธิ์ทางชีวภาพและการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านมะเร็งของพลูคาว

พลูคาวได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางถึงฤทธิ์ทางชีวภาพที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซึ่งมีการศึกษาวิจัยทั้งในหลอดทดลอง (in vitro) และในสัตว์ทดลอง (in vivo) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลูคาวในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด

  • ฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็ง (Antiproliferative effect): สารสกัดจากพลูคาวและสารประกอบบางชนิดที่แยกได้จากพลูคาว เช่น ฟลาโวนอยด์และน้ำมันหอมระเหย แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยับยั้งการแบ่งตัวและการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว, เซลล์มะเร็งปอด, เซลล์มะเร็งเต้านม, เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และเซลล์มะเร็งตับ โดยมีกลไกที่เกี่ยวข้องกับการเหนี่ยวนำให้เกิดการตายแบบอะพอพโทซิส (Apoptosis) หรือการตายของเซลล์แบบตั้งโปรแกรม (programmed cell death) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติ
  • ฤทธิ์ต้านการก่อหลอดเลือดใหม่ (Anti-angiogenic effect): การก่อหลอดเลือดใหม่เป็นกระบวนการสำคัญที่เซลล์มะเร็งใช้เพื่อสร้างเส้นเลือดไปเลี้ยงก้อนเนื้อร้าย ทำให้มะเร็งสามารถเติบโตและแพร่กระจายได้ มีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากพลูคาวอาจมีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการนี้ ซึ่งจะช่วยชะลอการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็ง
  • ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunomodulatory effect): พลูคาวมีสารโพลีแซคคาไรด์ที่สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ เช่น ลิมโฟไซต์ (Lymphocytes) และมาโครฟาจ (Macrophages) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจดจำและทำลายเซลล์มะเร็ง การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ดีขึ้น
  • ฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ (Anti-inflammatory and Antioxidant effect): การอักเสบเรื้อรังและภาวะเครียดออกซิเดชัน (Oxidative stress) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเกิดมะเร็ง พลูคาวมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบหลายชนิดที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์และเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันการก่อตัวของมะเร็งในระยะเริ่มต้น

สมุนไพรพื้นบ้านอื่นๆ ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง

นอกจากพลูคาวแล้ว ยังมีสมุนไพรพื้นบ้านอีกหลายชนิดที่ได้รับความสนใจและมีงานวิจัยรองรับถึง ฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง สมุนไพรเหล่านี้มักมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง กระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย บทนี้จะกล่าวถึงสมุนไพรพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงและมีงานวิจัยสนับสนุนอย่างชัดเจน ได้แก่ ขมิ้นชัน กระเทียม ติ้วขน และสนสามใบ

สมุนไพรไทยต้านมะเร็ง

ขมิ้นชัน (Curcuma longa)

ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะในประเทศอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สารออกฤทธิ์หลักในขมิ้นชันคือ เคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบอย่างรุนแรง

  • ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: เคอร์คูมินมีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับ โดยกลไกหลักคือการเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการตายแบบอะพอพโทซิส (apoptosis) และยับยั้งการส่งสัญญาณที่ส่งเสริมการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

กระเทียม (Allium sativum)

กระเทียมเป็นสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีการใช้กันทั่วโลก มีสารออกฤทธิ์สำคัญคือ อัลลิซิน (Allicin) และสารประกอบกำมะถันอื่นๆ

  • ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: สารในกระเทียมมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น และลดการอักเสบเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง

ติ้วขน (Derris scandens)

ติ้วขนเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ รวมถึงมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านมะเร็ง พบว่าสารสกัดจากติ้วขนมีสารออกฤทธิ์ที่สามารถกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็งได้

  • ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: งานวิจัยพบว่าสารสกัดจากติ้วขนสามารถเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการ apoptosis และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งเม็ดเลือดขาว

สนสามใบ (Gymnema sylvestre)

สนสามใบเป็นสมุนไพรที่มีการใช้ในทางการแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสารออกฤทธิ์หลายชนิด เช่น กิมเนมาไซด์ (Gymnemic acids) และสารฟลาโวนอยด์

  • ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: มีงานวิจัยที่แสดงว่าสารสกัดจากสนสามใบสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตายด้วยกระบวนการ apoptosis รวมถึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง

การเปรียบเทียบฤทธิ์ต้านมะเร็งของพลูคาวกับสมุนไพรพื้นบ้านอื่นๆ

การศึกษา ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ของสมุนไพรพื้นบ้านต่างๆ เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากสมุนไพรเหล่านี้มีสารออกฤทธิ์ที่หลากหลายและกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน บทนี้จะเปรียบเทียบฤทธิ์ต้านมะเร็งของพลูคาวกับสมุนไพรพื้นบ้านอื่นๆ ที่ได้กล่าวถึงในบทก่อนหน้า เพื่อให้เห็นภาพรวมและข้อแตกต่างที่สำคัญ

ความหลากหลายของฤทธิ์และประสิทธิภาพ

พลูคาวมีความโดดเด่นในด้านความหลากหลายของฤทธิ์ต้านมะเร็ง เพราะนอกจากจะมีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและกระตุ้นการตายของเซลล์แล้ว ยังมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันและต้านการก่อหลอดเลือดใหม่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการชะลอการแพร่กระจายของมะเร็ง

ในขณะที่ขมิ้นชันและกระเทียมเน้นไปที่ฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก ซึ่งช่วยลดความเสียหายของเซลล์และป้องกันการเกิดมะเร็งในระยะเริ่มต้น ติ้วขนและสนสามใบมีฤทธิ์กระตุ้น apoptosis ที่ชัดเจน และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

การใช้สมุนไพรร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน

สมุนไพรแต่ละชนิดมีศักยภาพในการเสริมการรักษามะเร็งแบบแผนปัจจุบัน เช่น เคมีบำบัดและรังสีรักษา แต่การใช้ร่วมกันต้องระมัดระวังเนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (drug-herb interaction) ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพหรือความปลอดภัยของการรักษา ดังนั้นควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ

ข้อควรระวังและข้อแนะนำในการใช้สมุนไพรต้านมะเร็ง

การใช้สมุนไพรพื้นบ้านในการต้านมะเร็งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าสมุนไพรมีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัดทั่วไป อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรเหล่านี้ยังมีข้อควรระวังและข้อแนะนำที่สำคัญ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อควรระวังการใช้สมุนไพรไทย

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรต้านมะเร็ง

  • ความแตกต่างของสารออกฤทธิ์ในแต่ละแหล่งปลูก: สมุนไพรพื้นบ้าน เช่น พลูคาว ขมิ้นชัน หรือกระเทียม อาจมีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการปลูก วิธีการเก็บเกี่ยว และการแปรรูป ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้
  • ปฏิกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาเคมีบำบัด: สมุนไพรบางชนิดอาจมีผลต่อการทำงานของยาเคมีบำบัดหรือยารักษาโรคอื่น ๆ เช่น การเพิ่มหรือลดประสิทธิภาพของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง ดังนั้นผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้สมุนไพรร่วมกับยา
  • ผลข้างเคียงและอาการแพ้: แม้ว่าสมุนไพรจะเป็นธรรมชาติ แต่ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงได้ เช่น อาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หรือผื่นแพ้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแพ้สมุนไพรหรือสารประกอบในสมุนไพรนั้น ๆ
  • การใช้ในผู้ป่วยเฉพาะกลุ่ม: ผู้ป่วยที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคเลือดผิดปกติ หรือผู้ที่ได้รับการผ่าตัดใหญ่ ควรระมัดระวังในการใช้สมุนไพร เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือการฟื้นตัว

ข้อแนะนำในการใช้สมุนไพรต้านมะเร็งอย่างปลอดภัย

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้: ควรปรึกษาแพทย์ แพทย์แผนไทย หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มใช้สมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรับการรักษาแผนปัจจุบัน
  • เลือกใช้สมุนไพรที่มีงานวิจัยรองรับ: ควรเลือกสมุนไพรที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย เช่น พลูคาว ขมิ้นชัน และกระเทียม และควรใช้ในรูปแบบและขนาดที่เหมาะสมตามคำแนะนำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน: ควรเลือกซื้อสมุนไพรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีการรับรองคุณภาพ และหลีกเลี่ยงสมุนไพรที่อาจมีสารปนเปื้อนหรือสารเคมีตกค้าง
  • ติดตามอาการและผลข้างเคียง: ในระหว่างการใช้สมุนไพรควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการแพ้ คลื่นไส้ หรืออาการอื่น ๆ และแจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น
  • ใช้สมุนไพรควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน: สมุนไพรควรใช้เป็นส่วนเสริม ไม่ควรหยุดหรือเปลี่ยนแปลงการรักษาหลักโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์

สรุป

จากการศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบฤทธิ์ต้านมะเร็งของพลูคาวกับสมุนไพรพื้นบ้านอื่นๆ พบว่าทั้งสองกลุ่มสมุนไพรมีศักยภาพในการช่วยป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งผ่านกลไกที่หลากหลาย พลูคาวมีความโดดเด่นในเรื่องของสารฟลาโวนอยด์ น้ำมันหอมระเหย และโพลีแซคคาไรด์ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง รวมถึงการต้านการก่อหลอดเลือดใหม่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการชะลอการแพร่กระจายของมะเร็ง

ในขณะเดียวกัน สมุนไพรพื้นบ้านอื่นๆ เช่น ขมิ้นชัน กระเทียม ติ้วขน และสนสามใบ ก็มีสารออกฤทธิ์ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งผ่านกลไกที่แตกต่างกัน เช่น การต้านการอักเสบ การกระตุ้น apoptosis และการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อจำกัดเฉพาะตัว

อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและปฏิกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาเคมีบำบัด นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และกลไกการทำงานในมนุษย์ เพื่อให้สมุนไพรพื้นบ้านเหล่านี้สามารถนำมาใช้เป็นทางเลือกเสริมในการรักษามะเร็งได้อย่างมั่นใจ

แหล่งอ้างอิง

  1. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. (2564). พลูคาว (Houttuynia cordata Thunb.). เอกสารวิชาการเพื่อการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์. สืบค้นจาก https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=1074
  2. วัง เชาวณี. (ไม่ระบุปี). ฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต้านการอักเสบของสารฟลาโวนอลพลูคาว. วิทยานิพนธ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นจาก https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/19229
  3. ขำชื่น เอกพล. (2557). ฤทธิ์ของสารสกัดพลูคาวในการชักนำให้เกิดการตายและฤทธิ์การต้านการลุกลามของเซลล์มะเร็งปากมดลูกมนุษย์. วิทยานิพนธ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นจาก https://www.car.chula.ac.th/display7.php?bib=2051128
  4. ปารัณกุล และคณะ. (2551). ความหลากหลายทางพันธุกรรมของพลูคาวในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สืบค้นจาก https://kukr.lib.ku.ac.th/kukr_es/kukr/search_detail/dowload_digital_file/13673/89416
  5. Lau et al. (2008). รายงานการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาว. สืบค้นจาก https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/gskku/article/download/60981/50228
  6. รายงานวิจัยโครงการพัฒนาวิธีการผลิตพลูคาวแคปซูลและทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพ. (ไม่ระบุปี). สืบค้นจาก https://elibrary.tsri.or.th/fullP/RDG5020059/RDG5020059_full.pdf
  7. วรัญญา และคณะ. (2545). ฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและไวรัสของพลูคาว. สืบค้นจาก https://doi.nrct.go.th/ListDoi/listDetail?Resolve_DOI=10.14457%2FCU.the.2014.1229
footer_button_check
footer_button_buy
footer_button_consult