พุงยุบ สุขภาพดี เผยเคล็ดลับจัดการ “ไขมันช่องท้อง” ด้วยตัวเอง

Abdominal fat

หนึ่งในปัญหาสำคัญที่กระทบสุขภาพก็คือ “ไขมันช่องท้อง” ซึ่งนั่นเป็นต้นตอของหลายโรคที่อันตรายไม่ว่าจะเป็นโรค หัวใจ ความดัน เบาหวาน และยังก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้อีกด้วย โดยสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดไขมันในช่องท้องก็คือ การกินนั่นเองโดยเฉพาะอาหารทอด อาหารหวาน ที่อุดมไปด้วยไขมัน และ น้ำตาล ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานเข้ามาเป็นจำนวนมากและไม่ได้ใช้พลังงานจนหมด พลังงานส่วนที่เหลือก็จะถูกแปรรูปเป็นไขมันและสะสมอยู่ในช่องท้องนั่นเอง ซึ่งวันนี้เรามีเคล็ดลับในการจัดการกับไขมันในช่องท้องด้วยตัวเองมาฝากกัน

Table of Contents

ไขมันช่องท้องอันตราย … รู้ก่อนสาย

ไขมันในร่างกายสามารถแบ่งได้ง่าย 2 แบบก็คือ แบ่งตามตำแหน่ง และ แบ่งตามองค์ประกอบทางเคมี ซึ่งเราสามารถแบ่งไขมันตามตำแหน่งได้ดังนี้

ไขมันชั้นใต้ผิวหนัง

เป็นลักษณะของไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ มีประโยชน์ในการปกป้องอวัยวะ และ สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย

ไขมันช่องท้อง

เป็นไขมันที่อยู่ลึกว่าชั้นกล้ามเนื้อ และมักจะจับอยู่ในช่องท้องและตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย เช่น ลำไส้ หัวใจ ไต ซึ่งไขมันในช่องท้องนั้นส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโอกาสที่จะแทรกซึมเข้าสู่ระบบการทำงานก่อให้ปัญหากับสุขภาพได้

ไขมันช่องท้องสร้างปัญหาต่อสุขภาพ

เมื่อร่างกายใช้พลังงานน้อยกว่าที่ได้รับเข้าไป ทำให้ส่วนที่เหลือนั้นกลายเป็นไขมันสะสม พลังงานเหล่านี้เกิดมาจากการบริโภคในแต่ละวันนั่นเอง โดยร่างกายจะแปลงสารอาหารเหล่านี้ไปเป็นพลังงานในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าเราไม่ได้ควบคุมปริมาณพลังงานที่ได้รับให้พอดีกับความต้องการ หรือได้รับพลังงานมากเกินไป และ ไม่ได้กำจัดพลังงานส่วนเกินออก ทำให้ร่างกายใช้พลังงานน้อยกว่าที่ได้รับเข้ามาในแต่ละวัน ซึ่งสารอาหารส่วนเกินเหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนเป็น ไขมัน และสะสมอยู่ในช่องท้อง และถ้ามีปริมาณมากก็จะกระจายตัวไปเกาะตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆตามมานั่นเอง

วิธีการวัดไขมันช่องท้อง

วิธีการวัดไขมันช่องท้อง Waist-to-Hip Ratio Measurement

  1. วัดส่วนของเอว (ซม.)
  2. วัดส่วนของสะโพก (ซม.)
  3. นำตัวเลขที่ได้มาหารกัน และดูเลขทศนิยม 2 หลักเพื่อแปลผล
  4. ในผู้หญิงไม่ควรเกิน 0.85 และในผู้ชายไม่ควรเกิน 0.90

อันตรายที่เกิดจากไขมันช่องท้อง

ภาวะไขมันพอกตับ

เป็นอวัยวะที่สำคัญที่ทำหน้าที่ขับของเสียงออกจากร่างกาย การที่มีไขมันไปเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากจะลดประสิทธิภาพในการทำงานแล้วยังทำให้เกิดการอักเสบ รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดไตวายได้

ระดับน้ำตาลในเลือดสูง

การมีไขมันในช่องท้องมากนั้นยังลดประสิทธิภาพของสารเคมีหรือทำให้การทำงานบางอย่างของสารเคมีในร่างกายผิดเพี้ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินซูลิน ที่ไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นนั่นเอง

ข้อเข่าเสื่อม

ยิ่งไขมันเริ่มสะสมในช่องท้องยิ่งเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นนอกจากจะทำให้การทรงตัวเสียสมดุลแล้ว ยังทำให้เข่าต้องรองรับน้ำหนักตลอดเวลาส่งผลให้ข้อเข่าอักเสบและข้อเข่าเสื่อมได้

ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

เนื่องจากปริมาณไขมันสะสมในช่องท้องมีปริมาณมากทำให้เบียดอวัยวะสำคัญบริเวณช่องอก รวมถึงปอด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้หายใจลำบากและมีการหยุดหายใจขณะหลับได้

ภาวะหัวใจทำงานผิดปกติ

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เกิดจากการสะสมของไขมันนั่นก็คือไขมันอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งเป็นการขวางการไหลเวียนของเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงอย่างโรค ไขมันอุดตันในหลอดเลือดรวมถึงโรคหลอดเลือดสมองแตกนั่นเอง

วิธีการลดไขมันช่องท้อง

ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อลดไขมันในช่องท้อง

เรียกว่าเป็นวิธีที่พูดได้ง่ายแต่ทำได้ยาก นั่นก็คือการควบคุมอาหาร ทั้งประเภทและปริมาณ โดยปรับลดอาการประเภททำให้เกิดการสะสมของไขมัน เช่น น้ำตาล ของหวาน ของทอด ของมัน และเพิ่ม ผักและผลไม้ให้มากขึ้นเพราะนอกจากแคลอรีต่ำแล้วยังมีวิตามิน และ แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย

วิธีลดไขมันในช่องท้องด้วยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ

การออกกำลังกายในรูปแบบนี้สามารถทำได้หลายรูปแบบ ทั้ง เดินสลับวิ่ง กระโดดเชือก ขี่จักรยาน โดยการออกกำลังกายประเภทนี้จะใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันในร่างกาย

ลดไขมันในช่องท้องด้วยการออกกำลังกายแบบเวตเทรนนิ่ง

การออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น เมื่อเพิ่มแรงให้กับกล้ามเนื้อเป็นประจำก็จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ซึ่งกล้ามเนื้อมีส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน ยิ่งมีกล้ามเนื้อมากขึ้นก็จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นช่วยลดไขมันสะสมในหน้าท้องได้นั่นเอง

ลดไขมันด้วยวิธี IF

หรือชื่อเต็มๆคือ Intermittent Fasting การลดไขมันด้วยการกินอาหารตามช่วงเวลา นั่นก็คือช่วงกินและหยุดกิน โดยส่วนใหญ่จะนิยมแบ่งช่วงเวลาในการกินไว้ที่ 8 ชั่วโมงและเวลาในการหยุดกินไว้ที่ 16 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้กับร่างกายโดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อลดลง

นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

การนอนหลับอย่างเพียงพอนอกจากจะส่งเสริมสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญของร่างกายอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวช่วยในการลดไขมัน

นอกจากการทานอาหารที่ดี การออกกำลังกาย การพักผ่อนที่เพียงพอแล้ว เรายังมีตัวช่วยที่ดีสำหรับการลดไขมันในช่องท้องและหลอดเลือด ด้วยผลิตภัณฑ์ Fat Burn จาก Lagacy ที่มีส่วนช่วยในการ ยับยั้งไขใหม่สะสมใหม่ ช่วยสลายไขมันเก่าและเร่งเผาผลาญไขมันในช่องท้อง ด้วยส่วนประกอบจากธรรมชาติ อย่าง คาเฟอีน รวมถึงสารสกัดจากเมล็ดชาเขียว สารสกัดราสป์เบอร์รี และ สารสกัดจากมะม่วงแอฟริกา ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั้นเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งง่ายที่สุดที่สามารถเริ่มต้นได้เลยตั้งแต่วันนี้