เคราตินคือหนึ่งในสารบำรุงเส้นผมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการความงาม แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเคราตินไม่ใช่เพียงแค่สารที่ช่วย เปลี่ยนสีผม หรือดูเงางามเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและปกป้องเส้นผมจากความเสียหายอีกด้วย
เคราตินคืออะไร
เคราตินคือโปรตีนเส้นใยที่พบได้ตามธรรมชาติในเส้นผม ผิวหนัง และเล็บของมนุษย์ โดยมีหน้าที่หลักในการเสริมสร้างความแข็งแรงและปกป้องโครงสร้างของเส้นผม โปรตีนชนิดนี้ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิดที่เชื่อมโยงกันเป็นสายยาว ทำให้เคราตินมีคุณสมบัติที่ทนทานและยืดหยุ่น
ในเส้นผม
เคราตินเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผมชั้นนอก (คิวติเคิล) และชั้นกลาง (คอร์เท็กซ์) ซึ่งช่วยกำหนดความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และลักษณะของเส้นผม นอกจากนี้ เคราตินยังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเส้นผมจากปัจจัยภายนอก เช่น ความร้อน แสงแดด และสารเคมี ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
ประเภทของเคราติน
ในเส้นผมแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก ได้แก่ เคราตินแข็ง (Hard Keratin) ที่พบในเส้นผมและเล็บ ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทาน และเคราตินอ่อน (Soft Keratin) ที่พบในชั้นผิวหนังชั้นนอก มีความยืดหยุ่นมากกว่า การทำความเข้าใจโครงสร้างและหน้าที่ของเคราตินจะช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของสารนี้ในการดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของเคราตินในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
เคราตินไม่เพียงเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม แต่ยังเป็นสารบำรุงที่ทรงประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราตินจึงให้ประโยชน์หลากหลาย ดังนี้
เสริมความแข็งแรงให้เส้นผม
เคราตินช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในโครงสร้างเส้นผม โดยเฉพาะเมื่อเส้นผมได้รับความเสียหายจากสารเคมีหรือความร้อน ทำให้ผมกลับมาแข็งแรงและลดปัญหาผมแตกปลาย
ลดปัญหาผมชี้ฟู
เคราตินช่วยปรับสภาพเส้นผมให้เรียบเนียนขึ้น โดยการเคลือบเส้นผมชั้นนอกและปิดเกล็ดผม ทำให้ผมดูเรียบตึงและไม่ชี้ฟู
เพิ่มความเงางาม
เคราตินช่วยให้เส้นผมมีพื้นผิวที่เรียบเนียน สะท้อนแสงได้ดีขึ้น ทำให้ผมดูมีสุขภาพดีและเป็นประกาย
ปกป้องผมจากความเสียหาย
เคราตินทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเส้นผมจากปัจจัยภายนอก เช่น ความร้อน แสงแดด และมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงที่เส้นผมจะแห้งเสียหรือเปราะบาง
ฟื้นฟูเส้นผมที่เสียหนัก
สำหรับเส้นผมที่ผ่านการทำสี ยืดตรง หรือรีดร้อนบ่อยครั้ง เคราตินช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปและคืนสภาพเส้นผมให้กลับมามีชีวิตชีวา
รูปแบบของผลิตภัณฑ์เคราติน
เคราตินถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสภาพเส้นผมที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวิธีการใช้และประสิทธิภาพที่เฉพาะเจาะจง ดังนี้

ทรีทเมนต์เคราตินในร้านเสริมสวย
ทรีทเมนต์เคราตินในร้านเสริมสวยเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน โดยกระบวนการนี้จะใช้สารเคราตินเข้มข้นที่ซึมลึกเข้าไปในเส้นผม ช่วยปรับสภาพผมให้เรียบเนียน ลดปัญหาผมชี้ฟู และเพิ่มความเงางาม ทรีทเมนต์นี้มักใช้ความร้อนเพื่อช่วยให้เคราตินเกาะติดกับเส้นผมได้ดีขึ้น และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2-3 เดือน
ผลิตภัณฑ์เคราตินสำหรับใช้ที่บ้าน
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลเส้นผมด้วยเคราตินอย่างต่อเนื่อง สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินสำหรับใช้ที่บ้าน เช่น แชมพู ครีมนวดผม มาสก์ผม หรือเซรั่ม ที่มีส่วนผสมของเคราติน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยบำรุงเส้นผมในระดับเบื้องต้น ช่วยให้ผมดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี แม้จะไม่เข้มข้นเท่าทรีทเมนต์ในร้าน แต่ก็เหมาะสำหรับการดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน
แว็กซ์เปลี่ยนสีผม
แว็กซ์เปลี่ยนสีผมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมชั่วคราว โดยไม่ต้องใช้สารเคมีที่รุนแรง แว็กซ์เปลี่ยนสีผมช่วยให้สีติดทนนาน และสามารถใช้ได้บ่อยครั้งโดยไม่ทำให้ผมเสีย วิธีการใช้แว็กซ์เปลี่ยนสีผมคือชโลมลงบนผมบริเวณที่ต้องการเปลี่ยนสี แล้วใช้ไดร์เป่าผมให้แห้งเพื่อให้สีติดทนมากขึ้น แว็กซ์เปลี่ยนสีผม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองสีผมใหม่หรือเปลี่ยนสีบ่อยครั้ง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของเส้นผม
สเปรย์เคลือบเคราติน
สเปรย์เคลือบเคราตินเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่ายและสะดวก เหมาะสำหรับใช้หลังการสระผมหรือก่อนการจัดแต่งทรงผม ช่วยเคลือบเส้นผมชั้นนอก ปกป้องผมจากความร้อน และเพิ่มความเงางาม
วิธีการใช้และการดูแลผมหลังใช้ผลิตภัณฑ์เคราติน
การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต้องอาศัยความเข้าใจในวิธีการใช้และการดูแลเส้นผมอย่างถูกต้อง เพื่อให้เคราตินสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น

ขั้นตอนการทำทรีทเมนต์เคราติน
- ทำความสะอาดเส้นผม: เริ่มต้นด้วยการใช้แชมพูที่ปราศจากซัลเฟตเพื่อล้างสิ่งสกปรกและสารเคมีออกจากเส้นผม
- ทาเคราติน: แบ่งผมเป็นส่วนๆ แล้วทาสารเคราตินอย่างทั่วถึง โดยให้สารซึมเข้าสู่เส้นผม
- ใช้ความร้อน: ใช้ไดร์เป่าผมหรือเครื่องรีดร้อนเพื่อช่วยให้เคราตินเกาะติดกับเส้นผมได้ดีขึ้น
- รอให้สารทำปฏิกิริยา: ทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้เคราตินซึมลึกเข้าไปในโครงสร้างเส้นผม
- ล้างออก: ล้างสารเคราตินออกด้วยน้ำสะอาดและใช้ครีมนวดผมเพื่อปิดเกล็ดผม
คำแนะนำในการดูแลผมหลังทำทรีทเมนต์
- หลีกเลี่ยงการสระผมทันที: ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำทรีทเมนต์ เพื่อให้เคราตินเกาะติดกับเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์
- ใช้แชมพูและครีมนวดที่ปราศจากซัลเฟต: สารซัลเฟตอาจทำให้เคราตินหลุดออกจากเส้นผมได้เร็วขึ้น
- ลดการใช้ความร้อน: หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องรีดร้อนหรือไดร์เป่าผมที่อุณหภูมิสูงเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเส้นผม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อน: หากจำเป็นต้องใช้ความร้อน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนเพื่อปกป้องเส้นผม
ความถี่ในการใช้ผลิตภัณฑ์เคราติน
- ทรีทเมนต์เคราติน: สามารถทำได้ทุก 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและไลฟ์สไตล์
- ผลิตภัณฑ์เคราตินสำหรับใช้ที่บ้าน: สามารถใช้ได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้เคราตินจะเป็นสารบำรุงเส้นผมที่มีประสิทธิภาพสูง แต่การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินก็มีข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งผู้ใช้ควรศึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่พึงประสงค์
อาการระคายเคืองที่หนังศีรษะหรือดวงตา
- สาเหตุ: สารเคมีบางชนิดในผลิตภัณฑ์เคราตินอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวหนังหรือหนังศีรษะที่บอบบาง
- วิธีป้องกัน: ทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวหนังเล็กๆ ก่อนใช้ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดวงตา หากเกิดอาการระคายเคือง ควรล้างออกทันทีและหยุดใช้ผลิตภัณฑ์
ความเสี่ยงจากสารฟอร์มาลดีไฮด์
- สาเหตุ: บางผลิตภัณฑ์เคราตินอาจมีส่วนผสมของฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากสูดดมหรือสัมผัสในปริมาณมาก
- วิธีป้องกัน: เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจาก ฟอร์มาลดีไฮด์ หรือมีปริมาณต่ำ และใช้ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
ผลข้างเคียงจากความร้อน
- สาเหตุ: การใช้ความร้อนในกระบวนการทำทรีทเมนต์เคราตินอาจทำให้เส้นผมแห้งเสียหรือเปราะบางได้ หากใช้ความร้อนสูงเกินไปหรือบ่อยครั้ง
- วิธีป้องกัน: ใช้ความร้อนในระดับที่เหมาะสม และใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนเพื่อปกป้องเส้นผม
การสะสมของเคราตินบนเส้นผม
- สาเหตุ: การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินบ่อยครั้งหรือในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เคราตินสะสมบนเส้นผม ทำให้ผมดูหนักและขาดชีวิตชีวา
- วิธีป้องกัน: ใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินตามคำแนะนำและไม่ควรใช้บ่อยเกินความจำเป็น
ไม่ใช่แค่ผมดูสวยงามแต่เป็นการลงทุนในสุขภาพเส้นผม
เคราตินคือสารบำรุงเส้นผมที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย ไม่เพียงช่วยให้ผมดูสวยงาม แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพของเส้นผมจากภายใน การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดปัญหาผมชี้ฟู เพิ่มความเงางาม และปกป้องผมจากปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินควรคำนึงถึงข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวหนังบอบบางหรือเส้นผมที่ผ่านการทำสี การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เคราติน
ตัวหอม TUAHOMM Baby Body Mist Spray : White cloud
Madam Louise Extreme White Soap 120g
Adella โปรตีนเชค รส MELON โปรตีนจากพืช และ เวย์ รสกลมกล่อม
โมอิ โฟม ทรีตเม้น Mooi Foam Hair Treatment 2 ขวด